ในปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นได้ส่งผลเกิดภัยภิบัติต่างๆตามมามากมาย ทำให้หลายประเทศให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากการใช้ก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานถ่านหินและฟอสซิล รวมทั้งการทำลายป่าไม้ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนทั้งสิ้น ทั้งนี้องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ UNIDO (United Nations Industrial Development Organization) ได้ออก Green Industry เพื่อช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาให้มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและใช้แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำเป็นการสร้างงานใหม่ โดยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมรูปแบบการผลิตที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากรในการผลิตยานยนต์ รถไฟและเครื่องบิน โดยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิต และการออกแบบและบริหารจัดการโรงงานสีเขียว ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องมีความรู้ความเข้าใจในระบบการบริหารงานแบบโรงงานสีเขียว ซึ่งประกอบไปด้วย การริเริ่มของธุรกิจเองด้วยการต่อยอดระบบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของบริษัทคู่ค้าและองค์กรที่เกี่ยวข้องผลักดันโครงการหรือการสร้างมาตรฐาน
เพราะอุตสาหกรรมสีเขียวมีประโยชน์ด้วยกัน คือ การลดทรัพยากรและพลังงานในการประกอบการ ทำให้ลดต้นทุนและส่งผลดีต่อผลประกอบการโดยตรงและโรงงานที่มีการพัฒนาระบบด้านสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต จะทำให้เห็นช่องทางในการปรับปรุงระบบคุณภาพมากขึ้นและอีกอย่างคือ ผู้ประกอบการมีสถานประกอบการที่ถูกสุขลักษณะ มีความปลอดภัยและน่าทำงานมากขึ้นและที่สำคัญที่สุดคือเป็นการรักษาสมดุลและการอนุรักษ์ทรัพยากรและธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆที่มุ่งเน้นไปสู้การพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมสีเขียว อย่างเช่น การนำพลังงานทดแทนมาใช้ในโรงงาน
จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมสีเขียวนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญเติบโตแบบยั่งยืน และยังสามารถช่วยสร้างจิตสำนึกให้กับภาคอุตสาหกรรมได้อีกด้วย ดังนั้นภาคอุตสาหกรรมควรจะให้ความสนใจให้ความร่วมมือและผลักดันให้อุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมสีเขียวต่อไป เพื่อการปลูกจิตสำนึกให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหา ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสทธิภาพ
การกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมให้ทันต่อกระแสโลกาภิวัตน์ เป็นแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ นอกจากผลผลิตจะดีแล้ว ยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจก็เป็นสิ่งสำคัญ อุตสาหกรรมไทยที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมีอยู่หลักๆด้วยกัน ดังนี้
ข้อถกเถียงประเด็นพลังงานธรรมชาติของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซหรือน้ำมัน มีความสับสนและบิดเบือนข้อมูลอันเกิดจากเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในที่สุดแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศในอนาคตอย่างรุนแรง


อุตสาหกรรมเชิงนิเวศถูกพัฒนามาจากนิเวศวิทยาอุตสาหกรรม เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงภายในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงจากกระบวนการผลิตไปสู่กระบวนการบริโภคที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพของการออกแบบผลิตภัณฑ์และการแปรรูปใช้ใหม่ ซึ่งตัวอย่างของนิเวศวิทยาอุตสาหกรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เช่น การเชื่อมโยงอุตสาหกรรมย่อยเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ กระทำโดยการเพิ่มประสิทธิภาพของวัตถุดิบและพลังงาน และการปรับปรุงเชิงวิศวกรรมซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ


ในปัจจุบันนั้นการลงประกอบกิจการในด้านอุตสาหกรรมนั้นได้รับความนิยมพอสมควร เพราะให้ผลตอบแทนดีพอสมควร ซึ่งการที่มีการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมนั้นมีทั้งประโยชน์และก็โทษด้วยกัน หากมองในด้านของบวกแล้วการลงทุนด้านอุตสาหกรรมนั้นมีประโยชน์อย่างมากมาย อย่างเช่นในด้านของเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจภายในของประเทศดีขึ้นส่งผลให้ประชากรในประเทศมีรายได้มากขึ้นนอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงการพัฒนาประเทศ แต่ทว่าอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้มีแค่เพียงประโยชน์เท่านั้น ซึ่งหากเรามองในด้านลบของการอุตสาหกรรมแล้ว อุตสาหกรรมก็มีโทษไม่น้อยไปกว่าประโยชน์ของมันเลย โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมนั้นได้รับผลกระทบอย่างมากอย่างมากจากการที่มี่โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งปัญหาที่ทุกๆคนรู้จัก ก็คือ ปัญหาโลกร้อน ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อนก็ คือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่งจากการที่มีโครงงานอุตสาหกรรม

